Siampet.com  >>  Welcome to Siampet in Thailand        
 
              
ฮารูณ ลุยยยยย....
 
เกาะกลางน้ำระหว่างรอแพยนต์
ซังกุง หนุ่ม
จะลงไปเล่นน้ำตก
 
 

 
ไอแอม

 

                           เจดีย์ 3 องค์


 
   
 


        น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
  




 


           กาญจนบุรสวรรค์ของนักผจญภัย

                                             น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
   
           สวัสดีครับ ถึงเวลา เที่ยวกันอีกนะครับ ปีนี้ มีวันหยุด ติดต่อกัน ถึง 4 วันแน่ะ หายากนะในรอบปีนึงน่ะ วันที่ 28-31 กรกฎาคม 50 ทีแรกเราก็ตั้งเป้าก่อนหน้านี้คร่าวๆนะ ว่าจะไปล่องแก่งลำน้ำเข็ก ที่พิษณุโลก แต่ ระยะทาง ที่ไปนี่ มันไกลอยู่เหมือนกัน เลย มี ตัวเลือกที่ 2 ก็คือที่ แก่งหินเพลิง จังหวัดปราจีนบุรี อันนี้เคยไปล่องกันมาแล้ว ใกล้ด้วย สรุปก็น่าจะมี 2 ตัวเลือกนี้ แต่ครับแต่ ฟารุกฉีกหนังสือพิมพ์ที่เก็บไว้มาหน่ อยนึง นสพ ไทยรัฐ น่ะ เขาแนะนำ ที่เที่ยว แบบ ว่า ต้องลุยๆหน่อยที่ กาญจนบุรี เอารถ ข้าม โป๊ะ ไป น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น หลังจากนั้น ก็ต้องขับรถ ไปลุยต่อ ยัง สังขละบุรี ซึ่งเส้นทางที่ใช้นี้ นสพ แนะนำให้ใช้รถพวกก 4wd น่าจะดี ทางค่อนข้าง ขรุขระ ... หลังจากนั้น ก็คุยกัน ดูซิ จะไปกัน กี่คน ปรากฎว่า รถ มี 2 คัน แต่ คนมีมากว่า 10 ถึง 15 คน ตามรายชื่อที่ ดูดูไว้ มันจะไปได้หรือวะ สุดท้าย อารูณก็ สรุปมาว่า เอารถ ผมไปด้วย ก็จึงได้ กระบะ ไทเกอร์ 1 คัน กับ ฟอร์จูนเนอะร์ อีก 2 คัน นั่นไปกันได้ ถึง 15 คนเลยนะ ตาม วัตถุประสงค์พอดี แต่เอาเข้า จรงๆ ทีคนไป 12 คนเท่านั้น ได้ แก่ ฟีน หนุ่ม ฮารูณ หมัดนิ รุก ฟิกแบะ หมัดบูรพา รอนป้อก เฟา นาน กีม และ ซลา หมายกำหนดการคือ ออกจากบ้าน ตี 4 ขับ รถเรื่อยๆ กะถึง กาญจนบุรี เช้า จะได้ มีเวลา เที่ยวมากหน่อย
                   
สู้...          เราปถึงกาญจนุรี ก็เช้านั่นหละ ที่แรกที่เราผ่านไป ก็ คือ อุทยานแห่งชาติรัตนโกสินทร์ แต่เดิมนั้นชื่อ "อุทยานแห่งชาติถ้ำลอด" ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลเขาโจด อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี หลงัจากมาถึง ก็รอเจ้าหน้าที่หน่อย ไปเช้า เจ้าหน้าที่ยังไม่มา ก็เดินดูรอบๆ สักพักเจ้าหน้าที่มาเขาก็อนุญาติให้เข้าไปข้างในได้โดยเสียค่าบำรุง อุทยานเล็กน้อย อุทยานทีนี่สวยดีต้นไม้ใหญ่ริมทางเพียบ มีชื่อ แปะไว้ด้วย ชื่อแปลกๆดี นกก็เยอะ เสียดายกล้องส่องทางไกลอยู่ในรถ ไม่ได้เอามา เลยไม่รู้นกอะไร ทีแน่ๆ เห็นเป็นฝูง ก็ นกพญาปากว้างสีเขียว นั่นหละ พอไปถึงหน้าทางเข้า ก็ อ่ะ เจอที่แรกที่เราจะเข้าไปดูคือ ถ้ำธารลอดน้อย ก่อนเลย เหตุผลที่ต้องรอเจ้าหน้าที่ ก็เพราะว่า เขาจะเปิดไฟให้ในถ้ำ ซึ่งมืดมาก ตัวถ้มาความยาวประมาณ 300 เมตร กว้าง 10 เมตร สูง 25 เมตร ภายใน มีหินงอกหินย้อย รูปร่าๆต่างๆ เวลาเจอแสงไฟ สวยเลย อ่อ และที่เจอ อีกอย่างก็คือ แบทแมน ที่บ้านเราเรียก ค้างคาว เกาะอยู่ตาม ผนังถ้ำ เป็นกลุ่มๆ ลำธารที่ไหลผ่านถ้ำก็ กำลังดี เดิน ลุยได้ มีปลาเล็กปลาน้อยด้วย ถ้ำธารลอด
    อีกอย่างที่เจอกันสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ คือ "จงโคร่งหรือหมาน้ำ"

"จงโคร่งหรือหมาน้ำ" ไอ้ตัวนี้ เสียงร้องมันแปลกดีนะ ไม่เหมือนคาคบบ้านเรา ถ้าจำไม่ผิด มัน แว้ดแว่ด หรือไงนี่หละ    คณะเราก็เดินทาไปเรื่อยจนออกจากถ้ำ ข้างนอก ถ้ำนั้น เป็นป่านะ แต่ยังไปต่อได้อีก แต่เนื่องจาก เวลาเรานั้น ีน้อย ก็เลยพอก่อนเพราะต้องไป น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นต่อ ถ้าจะเอาให้ครบ ต้อง ใช้เวลามากกว่านี้ซึ่งมีทั้ง น้ำตกเขาไตรตรึงษ์ น้ำตกสไลเดอร์ ถ้า ซึ่งก็รอก่อนไว้คราวหน้าจะมาตามเก็บ อีกที เอาให้ครบ ที่นี่เราเพียงผ่านมา แล้วก็เลยไป...
       ว่ากันถึงเส้นทาง ที่ไป น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น เรา ใช้เส้นทางลัดตามที่ นสพ เขียน บรรยายไว้ จะสามารถ ช่วยร่นระยะเวลาเดินทางได้ถึง 60 กม. หรือไงนี่หละ แต่ส้นทางที่ไป นั้นก็ไม่ใช่เส้นทางธรรมดา คือต้อง ขับรถไปตาม ไหล่เขาบ้าง ระหว่างทางที่ขับรถไปเป็นตอนเช้าเวลาประมาณ สัก 9.30 น. ทางที่รถวิ่ง มีป้ายเขียนน่าสนใจอยู่ ว่า ระวังหินหล่นระหว่างทาง พอขับรถไปก็ จริงอย่างว่า มีเศษหินหล่นตามทาง เป็นระยะๆ น่าอันตรายมาก แต่ผมไปเนี่ยไม่ใช่หินหล่นมาจะจะเลยนะ คือมีรอยหินหล่นอยู่แล้ว ตามทาง นี่ถ้าโดนรถรถเข้ามาทางกระจกหละ เสร็จแน่เลย น่าอันตรายอยุ่เหมือนกันไม่รุ้ว่ามันถล่มมาอย่างนี้ตลอดไหมน่ะซิ ขับรถไปสักพักก็ไปถึงท่าแพขนานยนต์ ต้องเอารถไปไปลงแพไปถึงก็มี รถรอลงอยู่แล้ว 1 คัน รวมผมอีก 3 คันก็ 4 คนเรือเขาว่ารออีกสักหน่อย ถ้ามีสัก 8 คันก็ไปได้ เราก็เดินเล่นแถวนั้นไปก่อน อ่อ น้ำที่นั่นใสมากเลยนะ มีเกาะแก่ง เล็กๆอยู่มาก มีเรือหาปลาก็มี ต่างคนต่างพักผ่อนกันไป สักพัก หนุ่ม ก็มาบอก เมื่อกี้ ไปที่เรือ เห้นฝูงปลาอยู่หลายฝูง ให้ไปตก หนุ่มว่าเป้นปลานิล ผม กับ ซลา รีบประกอบเบ็ดเลยครับ อ่ะ ผมเร็วกว่า ไปถึงแพก็มี ปลาว่ายอยู่ จริง เอาเบ็ดหย่อนไป น้ำใสมากที่นั่น ปลาที่เห็น เป้น ปลากระสูบ ประมาณ 4-5 ตัว ว่ายไปมา ปลานิล ก็มี แต่เหยื่อที่ผมใช้นั้น เป็นไส้เดือน กระสูบไม่ชอบ มันกินแต่เหยื่อปลอม รีบเลยอ่ะ รีบเปลี่ยนเหยื่อ เมื่อเปลี่ยนเหื่จากไส้เดือนเป้นเหยื่อปลอมเสร็จ จะเริ่มตกปลา แต่ตกปลาไม่ได้แล้ว แพออกแล้ว แล่นแล้ว อดเลย เลยต้องเก้บเบ็ดไปก่อนไว้ คอยวันพรุ่งนี้ ว่ากันใหม่ ... เรานั่งแพยนต์สัก 15 นาทีได้ มั้งก็ขึ้นฝั่ง ขับรถขึ้นไป เพื่อตรงไปน้ำตกห้วยแม่ชมิ้น ทาง ค่อนข้างขรุขระ เป็นดินลูกรัง ประมาณ 10 กม. จากขึ้นเรือถึงจะถึงน้ำตก สองข้างทางที่รถวิ่งส่วนใหญ่จะเป็นป่าไผ่ สวยดี นึกถึงหนังจีนเลยนะ ป่าไผ่แบบนี้ ทางที่วิ่งเนี่ย ใช้รถพวก 4wd เหมาะสมแล้ ถ้าเป็นรถยนต์ธรรมดา แย่แน่ แต่ก้มีรถตู้นะ เห็นวิ่งอยู่ก็มี หลังจากนั่งรถมาสักพักที่ที่เราตั้งเป้าว่าจะมาก็มาถึง น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ที่เราอยู่ คือ น้ำตกชั้นที่ 4 มีลานกางเต้นต์ใหญ่พอสมควร มีหลายจุด มีร้านค้าขายของ ของขายเยอะด้วย ไม่ต้องทำอาหารเอง ก็มาหากินที่นี่เองได้ฮาเร็ม
เราเริ่มกางเต้นต์ก่อนเลยครับพี่น้อง หาทำเลที่ดี มาก่อนคนอื่นก็ต้องได้เลือกก่อน ทำเล ที่ดี นั้น ลง ความเห้นว่า ต้อง ร่มรื่น วิวดี การคมนาคมสะดวก ผมชอบจริงๆเลยอันหลังเนี่ย มันใกล้กับทางไปเล่นน้ำตก ใครไปใครมา ก็ต้องผ่านตรงผม จะได้รอดูสาวๆ ผ่านไปมา ได้ คิคิ.. เราเอาเต้นท์ไป 4 เต้นท์ ใช้ระบบการนอน 4-4-2-2 นั่นหละ หลังจากนั้น ก็ ทำอาหารกินกัน หุงข้าวหาปลามากิน อ่อไปซื้อปลาแรด มา 2 ตัว ตัวเอ้บเลย อร่อยด กินกันเรียบร้ย ก็นอนซฺ ใคร ใครนอนก็นอนไป ใครเดินเล่นก็เล่นไป ส่วนคนที่ นนก็จะมี พลขับทั้งหลาย อย่าง ฮารูณ อารีฟีน แล้วก็ ฟิกแบะ ปล่อยมันนอนไป ที่เหลือนี่ ซิ หนุ่มมันก็ไป สำรวจ อะไรมันไปเรื่อย ส่วน ผมเองนั้น ก็ทำกิจกรรมอย่างที่เคยทำบ่อยๆ อากาศดีดี แบบนี้หาที่ไหนได้ ซลา จุดถ่าน ฮากีมประกอบเตาบารากู่ การประกอบหรือตั้งเตาบารากู่ นั้น ใช้เวลาไม่มากเลยนะ เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะเราคือมืออาชีพน่ะซิ พี่น้อง ถ้ามีวุฒิรองรับก็น่าจะได้ ด้อกเตอร์กันแล้วมั้ง
รอน บากู่ ต่างคนต่างก็ทำสิ่งที่ยากทำกันไป แต่ตกลงกันไว้ สี่โมงเย็นเดี๋ยวลงไปเลน่น้ำตกกัน รอให้พักกันเสร็จก่อน ขณะที่ ผม รอน กีม อ้าดนาน สุบบารากู่กัอยู่นั่น ซลามันก็หายไปพักนึง พร้อมกับ ถือขวดน้ำกลับมา มันบอกมันจับปลาช่อนมาได้ 2 ตัว ลูกมัน จับได้ที่ต้นน้ำตก มีหลายตัวที่นั่น เราก็ดูดูกัน อือ ทรงปลาช่อนเลยนะ แต่ สี มัน ซีดๆหน่อย มี สีแดงปน ตัวมันออกจะลายๆ ต่างคนต่างดู ปลาช่อนแน่หรือวะ ฮากีม บ่นๆ มันมีหนวดนะ ปลาก้างหรือป่าว หรืออาจเป้นปลาอะไรที่ไม่รู้จัก แล้วมันมาได้ไงวะ น้ำตก ชั้น 4 เนี่ย ปีนมายังไงกัน โอ้ยยย ... จากนั้น ซลาก็ จับปลา ไปใส่ขวดไว้ก่อน มันจะเอาไปเลี้ยงที่บ้าน อือ ปลาตระกูลจำพวกปลาช่อนมันอึด หายใจผิวน้ำ อยู่ได้หลายวัน ในขวดแบบนี้ หลังจาก พักกันไปสักระยะ ก็ได้เวลา เข็มสั้น ชี้เลข 4 เข็มยาว ชี้เลข 12 แถวบ้านผมเรียกว่า 4 โมงเย็น ได้เวลาไปเล่นน้ำตกแล้ว ทุกคนเตรียมตัวเล่น น้ำตกกัน เราเดินลงไปทุกคน ยกเว้นฟิกแบะ มันขอนอนพักก่อน ท่าทาง จะแย่ น้ำตก ค่นข้างคนเยอะพอสมควร แต่เมื่อผมไปก็ไปหาทำเลที่น่าเล่นที่สุด แน่นอน ตรงนั้น มี คนเล่นอยู่แล้ว แต่ ด้วย หุ่นของผองเพื่อนชาว ซอยพร้อมรัก แล้ว มีหน้าตาเป็นอาวุธ ใครๆก็ ต้องย้าย ไปเล่นที่อื่นกัน เราเลยเข้าไปจับจองเล่นน้ำกันตรงนั้น น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวตัว น้ำไม่ลึกเท่าไหร่ เดินได้ เราเล่นกันอยู่นานเลยนะตรงนั้น หลังน้ำตก ที่ไหลลงมา มีถ้ำอยู่ด้วย มี หนุ่ม ฟารุก อ้าดนา แล้วก็ ซลา ว่าย ฝ่าเข้าไปได้ สวยดี
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นทายดิ มงรายกานนน ่ะ

       หลังจากนั้น เราเล่นน้ำตรงนั้น อยู่พักใหญ่ ก็ย้ายที่เล่นบ้าง หาที่ที่สวยอื่นมั่ง เอาแบบน้ำไหลผ่าน สมมุติว่าเป้น จากุชชี่ ที่เก่าให้กลุ่มอื่นเขาเล่นบ้าง ของแบบนี้ ต้องแบ่งกันเนอะ แต่ ต้องยอมรับอยู่อย่างนึง วันนั้น สาวๆ มาเล่นน้ำตก สวยๆ น่ารักหลายคนเลยนะ เพื่อนผมแต่ละคน มองกันใหญ่ สังเกตจากรูปบนขวามือที่ นอนบนน้ำตก ถ่ายรูปกัน 7 คน แต่ ตามองกล้องกัน2-3 คนเอง ที่เหลือ มอง สาวๆหมด ร้าย จริงๆ ที่เราเล่น นั้นก็เป็นท้ายน้ำ เล่นกันไปมาสักพักที่ เล่นพอแล้วก็ ขึ้นฝั่งเตรียมตัวจะกลับเต้นท์ ก้มีเหลือเล่นอยู่ 4-5 คน น้ำก็ไหลเย็นดี แต่ ผมเองได้กลิ่นเลย มันมาตามน้ำ มีเศษ ลอยมาด้วย อ้วก ครับ มีคน อ้วก อยู่ ต้นน้ำ น้ำเหม็นเลย ผมเล่นน้ำกับเพื่อนอยู่พอดี รีบหลบเลย ไอ้คนอ้วก นี่ก็ดีนะ ยืนดูผลงานของตัวเอง ว่าเป็นไงบ้าง เวง จริงๆ หลังจากเล่น้ำเสร็จก็ ขึ้นไป ที่เต้นท์ เตรียมทำอาหารกินกันอีก พ่อครัวก็มี ฟีน รุก หนุ่ม ฟิกแบะ จะสังเกด กิจกรรม ที่ผ่านมา ผมจะไม่ค่อยทำไรเลย ไมมันขี้เกียจงี่วะ 555 พอตกค่ำหลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ก้นั่งล้อมวง สูบบารากุ่กัน เล่าเรื่อง ขำขำกันไป ไม่ขำก็มีนะ หามุกใหม่ๆ ไม่ค่อยได้ อ่อ รอนมันไปร้าน สวัสดิการ มัน ซื้อ มันไทยนี่หละทอดใส่ถุงมา 2 ถุง คล้ายกับมันที่ โรยหน้า สลัด ไทยเรานั่นหละ หวานๆดี เลย ตั้งชื่อมันว่าเลย์ไทย กินไปกินมาอร่อยนี่หว่า เลยไปเหมามาหมดเลย กรอบหวาน ชุ่ม คอซะด้วย
นอน มาเลย พอ ชักมืดเรื่องเล่าก็เริ่ม มาเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไม่พ้นเรืองผีผี อ้าดนาน มันเล่าว่า มีผีที่แถว รัชดา ซอย 4 เป็น หญิง สาว 2 คน กลับจากเที่ยว แล้ว ประสบอุบัติเหตุทางรถนต์ตายไป แต่ตายไปแล้วเป็นผีก็อยากจะเที่ยวอยู่ จึงมาเที่ยวที่ รัชดาซอย 4 เป็นประจำ ขากลับก็โบกแท้กซี่ ให้ไปส่งแถวัด ะไรสักที่นี่หละ แต่เลาลงรถเหมือนไม่ได้เปิดประตู เงินที่ให้มาพอมาดู ก็เป็นใบโพธ์ ซะด้วย สาดดดดดดดดดด แม่ง น่ากัว นิดๆๆ ไอ้นาน เสือกเปิด เพลง มิวสิกของ มิติลี้ลับอีก หนาวไปเลย 5555 แท้กซี่บอกเจอกันบ่อย จุดที่ไอ้นาน ขึ้นแท้กซี่นี่หละ ที่ เจอกันประจำ แท้กซี่ไม่จอดรับใครหรอกแถวนี้น่ะ หลัง จากนั้นก็แยกย้ายกันนอน วันนั้น พระจันทร์เต็มดวง ฝนไม่มี น้ำค้างก็น้อย ผม หมัดนิ แล้วก็ เฟา นอน ข้างนอกเลย ถุงนอน คนละอัน อากาศกำลังดีเลย ตื่นเช้ามาอากาศสดชื่นมากๆ มองไปทางเขื่อนก็มีหมอกลอยอยู่ นิหน่อย ใครตื่นเช้าก็ ต้มน้ำชงกาแฟกินไป ใคร ใคร ดูดบารากู่ก็ดูดไป อ่อ เมื่อคืน มีเจ้าหน้าที่เขาเล่นดนตรีให้ฟังด้วยนะ แนวเพื่อชีวิต น่ะ แล้วเราก็กินข้าวเตรียมตัวเดินทางไปสังขละบุรี เมืองที่มีสะพานไม้ยาวที่สุดในโลก
ตากล้อง อ้าดนาน

          เมื่อเราเริ่มเดินทางจากน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ไปยังสังขละบุรี เส้นทางที่เราเลือกใช้นั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ก็คือตาม นสพ อย่างที่บอกไว้นั่นหละ เส้นทางค่อนข้างขรุขระแต่ไม่อันตรายเท่าไหร่ ป่าไผ่สองข้างทาง สีเขียวของต้นไม้ แม้ถนน จะมีฝุ่นหน่อยก้ตาม ฟิกแบะ มันขับ นำทาง รถอฮารูณอยู่คันที่สอง ส่วนรถฟีน นั้นปิดท้ายขบวน ผมนั้นนั่งอยุ่รถฮารูณ ขับตามๆกันไป พอเจอทางไม่ดี เรานึกว่ามันจะค่อยๆไป นั่นลยอ่ะ มันเหยียบคันเร่งคล้ายกับแข่งแรลลี่ ฟิกแบะมันขับได้หน้าหวาดเสียวมาก ฮารูณแม่งก็ตามตูดจี้เราว่ารถ 2 คัน ห่างกัน แค่ 3 ก้านธูปเองมั้ง รู้สึกตอนฮารูณขับ มันมันมากนะ (แต่บอกตรงๆกูเสียว ชนกันกลางป่านี่จบเลยนะมึง)   ทางที่ขับไปก็มีต้องฝ่าลำธารด้วยนะ บางท่านอาจสงสัยทำไมต้องผ่านลำธาร สะพานไม่มีหรือไง ต้องบอกว่าสะพานมีครับ แต่เขากำลังทำอยู่ มีรถใหญ่ขวางอยู่บนสะพาน คนงานที่ทำสะพานเขาก็เขยิบรถให้ไปได้นะ แต่ไม่นะฟิกแบะมัน say no ขอกูข้ามน้ำหน่อย รถเรา 4wd นี่ แค่นี้จำบาย มันก็ค่อยๆข้ามไป ฮารุณก็ข้ามตาม และฟีนก็ตามมา ทั้งหมดข้ามไปได้อย่างง่ายดาย สุดท้ายเราก็ขับรถกันไป จนถึง ทาง 3แยก เอ๊ะไปทางไหนหว่า ลงา ถ้าตรงไปก็ทุ่งใหญ่นเรวร ซ้ายมือไปไหน แล้ว นสพ ที่เขียนไว้ว่าไง สับสนอยู่ ลง มากางแผนที่ กันตรงนั้น ต่างคนต่างแยกย้ายกันทำอะไรที่อยากทำ ไอ้ซลา มันจับ ตั้กแตนก่อนเลย มันมองการณ์ไกลนะนั่น กะเป็นเหยื่อตกปลาคืนนี้ คนอื่นก็เดินไปเดินมา คนที่ดูแผนที่ก็ดูกันไป สักพักหมัดนิ มันก้มาสะกิดผม เฮ้ย เดี๋ยวกูไปยืนช่วยเขาดูแผนที่เดินทาง เดี่ยวมึง ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย อ่ะ เอางั้นนะมึง ผมก็เลย สงเคราะห์ มันไป 1 รูป จากนั้นก็ยังตกลงไม่ได้ว่า ซ้ายหรือขวา ทันใดนั้น ก้มีเสียง รถมอไซด์เข้ามาใกล้ อ่ะ ชาวบ้าน ชัวร์ ขับมาเลยครับ 2 คน เรา จึงโบกรถว่าจะถามทางหน่อย พอเขาจอดบนรถมีชาย 2 คน คนท้าย มีมีดดาบ 1 อัน ดูจากมีดสปาต้า แล้ว เงาวับเลย สงสัยเตรียมใช้งาน เขากำด้าม มีดแน่นผมวสังเกดได้ คงกลัวว่าเราจะปล้นมอไซด์มั้ง ผมขอบอกเลย พี่คิดผิด แบบนั้น มอไซด์ พี่ ผมขับไม่เป็น... จากนั้นก็ถามทางพี่เขา พี่เขาก็บอกทางไปให้ว่าทางซ้ายคือทางที่ท่านต้องเลือก หากตรงไปก็จะไปทุ่งใหญ่นเรศวร อ่ะ เราก้ ขึ้นรถ และเดินทางไป สังขละกันไป ระหว่างทางผมก็หลับๆตื่นๆ ง่วงฉิบหาย จนสุดท้าย ก็ไปถึง สังขละบุรีจนได้ เย้  ...
บนสะพานไม้ที่สังขละบุรี    เมื่อถึงสังขละบุรีเราก็เขาไปดูสะพานไม้หรือเขาเรียกว่าสะพานมอญนั่นหฟละ ยาวที่สุดในโลก แต่สิ่งที่เราต้องทำก่อนก็คือหาที่พัก หาแพลากสักหลังพาพวกข้าไปนอนกลางน้ำสักที่ เราก้ ขับรถแวะเวียนเข้าไปถาม สิ่งที่เราได้รับคำตอบก็คือ เต็มครับ จองหมดแล้วครับ ขับหากันนานมาก มีแต่ แพ ที่ผูกกับที่ แต่เราไม่ต้องการแบบนั้น เหงื่อตกเลยกู ผมกะกางเต้นนอนวัดแล้วนะนั่น สุดท้าย เราก็หาจนได แพมิตรสัมพันธ์ จำชื่อได้เลย แพใหญ่ด้วย ลากไปกลางน้ำได้ ถ้าลสกใกล้เขาคิดที่ 1,200 บาท แต่ถ้าลากไปถึงวัดจมน้ำ ที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่นี่ เอาแบบ มองเห็นระยะประชิด เขากิด 2,000 บาท เราก้เลย เลือก แบบ 2,000 บาท ของแพงต้องดี เราคิดว่างั้น แต่เขาบอกให้มาตอน 5 โมงเย็น แพจะเข้ามาตอนนั้น เราก็เลย ok ฟิกแบะบอก เดี๋ยวไปด่านเจดีย์ 3 องค แล้วค่อยมา อ่ะ ด่านเจดีย์ 3 องค์ นี่ก็สำคัญนะ เป็นที่ที่ไทยกับพม่า มักสูรบกันเสมอ หากจำ ข้อมูล สมัยที่เราเรียน ตอน มัธยมได้ เราก็เลยไปที่นั่น ขับรถไปแป้ลบเดียวเอง ระหว่างเดินทางก็มีด่านทหารตั้งด่าน ยู่รักษาความปลอดภัยที่นั่น พอไปถึงด่านสิ่งที่ผมึกถึงก่นเลย ก้คือ กล้วยไม้ มีดีดี จะเอาสักหน่อยนึง ... พอไปถึงก็ได้เดห็นอ่อ นั่นพม่าธงชาติมันปักใกล้กับชายแดนไทย เจดีย์ 3 องค์ ก็อยู่ ฝั่งไทย แต่เล็กมากนะขอบอก ผมนึกว่าอันบาเอ้บ เราก็เดินถ่ายรูปกันไป ใครดูอะไรก็ดูไป พลอยก็มีนะ แต่ดูไม่เป็นน่ะ ตนเดินผ่านเจดีย์ 3องค์ เจอชายคนนึง น่าจะเป็นชาวพม่านะ หาบของขายสิ่งที่เขาขายก็คือ บาเยีย กับ ซาโมซา หนุ่มมันถ่ารูป พี่คนนั้นมา ผมว่า มันดูแบบว่าได้ บรรยากาศดีนะ สวยดี .. แต่สิ่งที่อยากได้ คือกล้วยไม้ มันก็มีขายนะเยอะด้วย แต่ไม่ใช่ พันธุ์ที่ต้องการ น่ะ เด็กๆทั้งนั้น ที่มาขาย คนขายนี่ไม่ธรรมดา นะ จะเอาอันไหน เปิดหนังสือดูรุปกันเลย ตำรากล้วยไม้ไทยเรานี่หละ ครับ.. หลังจากอยู่ที่นั่นสักพัก ก็ได้เวลาลงแพกัน
ระหว่างทาง  และแล้วก็ได้ลงแพจนได้ เวลา 5 โมงเย็น โดยประมาณ เรือเล็กกเขาก็ลากไป ลากไป จนถึง ที่ที่ตกลงกันไว้คือ แถวๆ เจดีย์ จมน้ำ ที่เรียกเจดีย์จมน้ำเพราะ เมื่อก่อนนี้ ยังไม่จม พอเขามาสร้างเขื่อน จำต้องย้าย วัดไปอยู่ที่อื่น ส่วนเจดีย์ ก็ยังคงอยู่ พอน้ำเต็ม เจดีย์ก็จะจมหายไป แต่ เวลา น้ำลด เจดีย์ก็จะโผล่ออกมา เป็นที่ที่นักท่องเที่ยว นิยมมาชมกัน ...... เมื่อ ถึงแพเราก็เล่นน่ำกันพอสมควร จะมืดแล้วนี่ เราก็สั่งอาหารของเขาก็เอาเรือมาส่งแล้วก็ไป จากนั้น ก็แยกย้ายกันทำกิจกรรมม บน แพ ต้อง เรียกว่า กิจ ที่ มี กรรม เพราะ ทำอะไรก็ต้องบนแพเท่านั้น ถือเป็นกรรมไหม .... ตจกปลาทั้งคืน ได้ ปลาแรด มา 1 ตัว กับ ปลากด 2 ตัว สังควาส 1 ตัว ตกยาก จริงๆๆ ปลาที่เขื่อนนี่ พอถึง ตอนเช้า ตืนนอนมา เรือเขามารับ 3 โมงเช้า เรือลากแพลากไปวนตรงเจดีย์ 1 รอบแล้วก็มาส่งที่ ท่า พอขึ้นท่าเสร็จ มีกิจกรรม แถมด้วย นั่นคือ ไปล่องแก่ง ที่ ซอกะเรียง น้ำดีมาก ล่องไปได้ สัก 45 นาที มั้ง จึงถึง จุดหมาย คนที่ทำแพ เขาก็แนะนำ ถ้าจะเดิน ทุ่งใหญ่ๆนเรศวร ติดต่อเขาได้ เขา จะนำทางให้ แต่รถ ต้อง 4wd และ มีอุปกรณ์เสริมนะ แบบว่าต้องลุยจริงๆ เราก็เลย รับเรื่องไว้พิจารณา ก้คุกันว่าจะไปไหม ฟีน มันก็เล กะจะซื้อ กระบะ สักคัน เอาไว้ลุย อือ มันจะเอาย่างนั้น จาก นั้น ก็เดินทาง กลับบ้าน ขากลับ แวะเขื่อน วชิราลงกรณ ใญ่มากเลยนะ เขื่อนนี้ ดูกันสักพักก็เดินทางกลับบ้าน ในที่สุด กว่าจะถึงบ้านก็ 5 ุท่มได้ เป็นอันจบ การเที่ยวครั้งนี้ วัสสลาม...

   
   


                         ล่องแก่งที่ซอกะเรียงล่องแก่งที่ซอกะเรียง

   
   


   



   
   
  

   
         
         
         

www.siampet.com
Contact US Email : kmud@yahoo.com , Msn : jkmud@hotmail.com
Phone : +66(0)9-315-1029 , +66(0)2-381-7777 Contact Mr.Jaratroj
Thailand