Siampet.com  >>  Welcome to Siampet in Thailand         กุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  
       

  สวัสดีครับ ได้เวลาเที่ยวกันอีกแล้วนะครับ วันหยุด ดีดี แบบนี้ ยาว ๆเช่นนี้ คราวนี้ มีวันหยุด เดือนกรกฎาคม มี สี่วัน ด้วยกันแต่ มีเวลา ว่างแค่สองวันเองน่ะ คราวนี้จะไปไหนกันดีล่ะ จากเมื่อครั้งก่อน ของ สองปีที่แล้ว เคยได้ไปดููุงกระทิงที่คลองปลากั้ง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แถวๆ วังน้ำเขียว คราวนั้นก็ได้เห็น ฝูงกระทิงตั้ง สิบกว่าตัว ตื่นเต้นกันน่าดู มาคราวนี้ เวลาเปลี่ยนไป เพื่อนฟิก เขาไป เซอเวย์ ที่เที่ยวแหล่งใหม่ๆ มา ฟิกเขาไปเจอกับที่เที่ยวในตำนาน แบบว่าเคยได้ยินทางทีวีบ่อยๆ ว่ามีฝูงช้างและกระทิง แอบลงมากินสับปะรดของที่ชาวบ้านปลูก คือที่ กุยบุรี จังหวัดประจวบฯ ใกล้นี่เอง ก็ ตกลงว่าไปที่นั่น ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก เวลาที่มีจำกัดเพียง 2 วัน 1 คืนเท่านั้น แล้วจึงได้รวบรวมสมาชิก ใครสามารถไปได้บ้าง ซึ่งบางท่านก้ต้องลาหยุดงาน 1 วัน แต่คงยอมเพราะที่ดีดี แบบนี้ หาเวลาไปได้ไม่ง่าย อ่ะอย่างว่า คนพร้อม แผนพร้อม สถานการณ์ พร้อม ก็ ลุยค้าบบบบบบบบบบบบบ
    
                         

     อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เท่าที่หาข้อมูลทั่วๆไปดูก็ คือ มีพื้นที่ครอบคลุมในท้องที่อำเภอปราณบุรี กิ่งอำเภอสามร้อยยอด อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นป่าต้นน้ำลำธาร ประกอบด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและมีค่า เช่น พันธุ์ไม้ ของป่า สัตว์ป่า ตลอดจนทิวทัศน์ที่สวยงาม เพื่อให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิม มิให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไป เพื่อประโยชน์แก่การศึกษา และรื่นรมย์ของประชาชน มีเนื้อที่ประมาณ 605,625 ไร่ หรือ 969 ตารางกิโลเมตร เนื้อที่กว้างใหญ่ใช่เล่นเลยนะครับ
  และแล้วเช้าวันอาทิตยืที่ 17 กรกฎา ก็มาถึงหลังวันหวยออก 1 วัน ซึ่งหลายๆคนในที่นี้ก็โดน กินไปตามระเบียบ (แอบสมน้ำหน้ามัน ฮาาา ) เราก็รวบรวมสมาชิกกันได้ 9 คน อันประกอบไปด้วย ผม เฟา บังฟีน อารีฟีน บังฟูอ้าต รุก ฟิก ริก และบังดำ รถสองคัน กระบะ 1 คุน กับ ฟอจูนเนอร์ 1 คัน เริ่มเดินทาง ออกจากบ้าน เวลา 7.30 น. รถมันก้วิ่งไปเรื่อยผมก็หลับๆ ตื่นๆไปเรื่อยตลอดทางที่นั่งกันไป วิ่งยาวเลยนะครับ แวะกินข้าวเช้าหน่อยนึงเท่านั้น นัดกันไปเจอที่ปั้มน้ำมัน ปตท. แถวๆ เพชรบุรี รถของ ฟีน คันแรกไปถึงก่อน จอดรอรถคันผม ที่มีฟิก ขับ ตามไป นัดกันเจอที่ปั้ม พอผมไปถึปั้มก็ไม่เจอ รถฟีนเลยซิ ปรากฎว่า ผิดปั้มคร้าบบ เลยปั้มที่นัดเจอกันมาแล้ว เซ็งเลย โทรไปหาอีกคันเขาก็บอกว่า ไปเจอกัน ปากทางเข้าอุทยานเลย ฟิกก็บอกเดี๋ยวของไปซื้อที่ปากทางเข้า ลูกเจ้าของร้านสวย หมวยด้วย เห็นแล้วจะชอบ เท่านั้นหละครับ ไม่แวะปั้มเลย มุ่งสู่อุทยานทันที พอไปถึง ปากทางเข้าก็เจอรถของฟีนจอดอยู่หน้าร้านของอาหมวยพอดี แต่... ร้านอาหมวยปิด ฉิ.... หาย ร้านขายของทีตั้้งใจไปซื้อ ปิด แล้วจะหาไรเป็นเสบียงล่ะนั่น ยังดีมีร้านค้าฝั่งตรงข้ามก็พอได้ของไปกินนิหน่อย เฮ้อออ แย่ๆๆๆๆ หลังจากซื้อของเสร็จ ก็ขับรถเข้าไป ทางเข้าก็อ่ะ มีดีมีเลว ถ้าใครจะไปก็ รถ 4wd จะเหมาะมาก ครับ สองข้างทางก็มีบ้านพอสมควร มีไร่ สับปะรดซะเป็นมาก ก็เล่นปลูกกันเยอะขนาดนั้น ไม่ให้ช้างลงมาชิมมั่ง ได้ไง แต่ เท่าที่ดูบางสวนเขาจะมี ลวดคอยกั้นรอบ ฟิกมันเล่าว่าชาวบ้านเดินสายไฟไว้รอบถ้าช้างมาก็จะโดนช๊อตและวิ่งหนีไป แต่ก็นั่นหละ ฟิก มันเล่าต่ออีกบอกว่า มีชาวบ้านเคยเห็นตอนช้างมันมากินสับปะรด สวนที่มีลวดไฟฟ้าล้อมไว้ มันมาหลายตัว แทนที่ตัวหน้าโดนแล้วจะหนี ปรกฎว่าไอตัวหลังมันก็ดันตัวหน้า แบบว่า ดันๆกันไปลวดก็ขาดแล้วก็เข้าไปกิน ในที่สุด ไอ้ตัวหน้าที่ชนกับลวดไฟฟ้า คงอาการหนักหน่อย นั่น ช้างนี่มันแสนรู้จริงๆ แต่ถ้าชาวบ้านเขาเจอ ช้างเข้ามากินสับปะรด เขาก็จะไล่ด้วยการ จุดประทัดใส่หนังสติ้กแล้วยิงไล่ ช้างได้ยินก็เผ่นแล้ว ... ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ดี เพราะถ้าปืนหรือ จรวด ที่ชาวบ้านมี นำไปยิงมันก็คงทำเกินกว่เหตุนั่นหละครับ จริงๆปลูกสับปะรดกันตั้เยอะแบ่งๆช้างมั่ง ก็ได้เนอะ ถ้าคนเราคิดอย่างนั้น ได้ก็ดี คนก็คงคิดต่อไป ว่า ถ้าเอ็งกินผลผลิตของข้า วันนึงเอ็งโตขึ้น ข้าคงต้องขอปันงาเอ็ง มาบ้างก็คงจะดีนะ ถ้้าเป็นอย่างนั้น ก็จะเท่ากับว่า ช้างและคน ได้ใช้ระะบ บราเดอร์เทรด สับปะรดแลกงา มันจะคุ้มไหมนั่น...

                  

       หลังจากเหนื่อยจากการเดินทางมายาวนาน ถึงก็เวลาประมาณ เที่ยงวันพอดี ใช้เวลา สี่ชั่วโมงครึ่งได้ มาถึงบ้านพักที่จองเอาไว้ หลังใหญ่จริงๆ บังฟีนเขาจองผ่านทางเนต มี สามห้องนอน สองห้องน้ำ ห้องนึงมีสองเตียง ห้องน้ำก็มีที่ทำน้ำอุ่น สบายจริงๆ หลังจากเอาข้าวของลงเข้าบ้านกันแล้ว ก็ก็เริ่มวางแผนจะเอาไงกันดีคร้าบ ฟิกมันก็บอกว่า เนี่ย บ่ายๆ กว่านี้หน่อยค่อยออกไปตอนนนี้แดดแรง สัตว์มันร้อนมันไม่ค่อยออกมากันเท่าไหร่ แต่ถึงแดดจะร้อน แต่คณะเราก็ใจร้อนซะกว่า สรุปกันว่าลุยเลย ก็เก็บของเข้าบ้านเอาอุปกรณืที่จำเป็น พวกกล้องถ่ายรูป และ อาหารที่เตรียมไปกินบ่ายนี้ ให้พร้อมก็เดินทางไป ทางที่เราไปมันค่อนข้างจะลดเลี้ยว แบบว่า มันเป็นทางชาวบ้านตัดกันเยอะไปหมด แต่ฟิกมันแม่นจำเส้นทางได้ แต่ถ้าคนอื่นที่จะมาที่นี่ แนะนำให้ติดต่อเจ้าหน้าดีที่สุดไม่งั้นหลงแน่ จะเสียเวลา ทางก็ค่อข้างขรุะตลอด ตูดไม่ติดพื้นเลยระหว่างเดินทาง ... ระหว่างเดินทางเข้าไปก็ได้เจอ กับทุ่งกว้างๆ ต้นไม้เยอะไปหมด ดีนะมาตอนนี้ยังมีสีเขียวให้เห็น ถ้ามาหน้าแล้งสงสัย แห้งแล้งไปหมด ระหว่างนั่งรถไปก็ดูสองข้างทางไปเรื่อยแอบหลับบ้างเป็นบางครั้ง... ทันใดนั้นเองฟิกมันก็เบรกรถ และรีบบอกดูข้างขวามือ ใช่เลยครับ กระทิงตัวเอ้บเลย ระยะ ไม่เกิน 10 เมตร กำลังก้มหน้าก้มตากินหญ้าอยู่ รถเราจอด รถฟีนก็จอด ต่างคนต่างประกอบกล้องถ่ายรูปเพื่อจะถ่ายกระทิงกัน รุก ฟิกวิ่งนำไปก่อน บังฟีน บังฟูอ้าต บังดำ ริก ตามไป เฟาตามไปติดๆ ผมก็ไปด้วย เสียงคนข้างหน้าบอกมันไปทาขวาแล้วไปดักหน้ามัน แต่เฮ้ยยย ... ... ...ที่ พวก มึง วิ่งไปดักหน้ามันน่ะกระทิงนะมึง ขวิดไส้แตกนะนั่น ผมตะโกนไป ตัวมันเท่ารถตู้ได้มั้ง แต่เขามันทู่ๆหน่อย เท่านั้นหละ กองหน้าที่วิ่งไปเพิ่งรู้สึกตัว เริ่มถอยหลบและซุ่มดู แต่กระทิงมันเดินหายไปในพุ่มไมซะแล้ว
รูปที่ได้มาก็ได้ก็แค่หลังเท่านั้นเองเพิ่งรู้เองพวกคนกรุงเข้าป่ามันตาเหลือกแบบนี้เอง กิ้บบบกิ้วววว กรูก็ด้วยยยย....
     และแล้วเราก็ได้ไปถึง สถานี เรียกว่างั้นดีกว่านะ ของเจ้าหน้าที่เขา เราก็หยุดพัก เพื่อแวะกินข้าว เจ้าหน้าที่อยู่ที่สถานี สามนายด้วยกัน คอยสอดส่องพวกสัตว์ เขามีกล้องสโคป อยู่ที่สูงมองเห็นไปได้ไกล เขาบอกเห็นรถเราแล่นมาแต่ไกลแล้ว พวกเราก็ลงไปคุยกับเจ้าหน้าที่สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับกระทิงว่า จะไปดูได้แถวไหน เขาก็แนะนำที่ให้ไปดูตามทุ่งหญ้า หรือ หน้าผาต่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่า กระทิงที่นี่จะมี อยู่ 3 ฝูง ฝูงแรกมีสามตัว ฝูง 2 มีประมาณ สี่ตัว ฝูงที่ 3 มีประมาณ 43 ตัว และจะมีวัวแดงอยู่ใฝูงด้วย 1 ตัว วัวแดงจะออกมาตัวสุดท้ายให้คอยดู เจ้าหน้าที่ยังบอกว่าจะมีช้างด้วยซึ่งจะเจได้ง่ายกว่ากระทิง และเย็นจะมีช้างมาเล่นน้ำข้างสถานีนี้ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเมื่อวานมันก็มาซึ่งผมก็อยากถ่ายภาพแนวนั้นมากๆเลย ... หลังจากนั้นเราก็เริ่มกินข้าวกินอาหารที่เตียมมาจนเรียบร้อย ก็เริ่มเดินทางซึ่งเวลานั้นประมาณบ่ายสองได้แล้วมั้ง อ่อ แต่ถ้าใครไปที่นั่น สัญญาณโทรศัพท์ใช้ได้เป็นบางจุด ถ้ามีวิทยุสื่อสารไปด้วยยิ่งดี จะได้สื่อสารระหว่างรถสองคันในกรณีที่ไปหลายคน หรือ จูนช่องสื่อสารให้ตรงกับเจ้าหน้าที่ เพราะถ้ามี ตัวอะไรโผล่มาที่ไหนเขาจะคอยแจ้งให้เราทราบได้....
                     

       จากเดิมที่เรามาด้วยกันรถสองคัน แต่ฟิกแนะนำว่า ควรลดให้เหลือ รถเพียงคันเดียวเพราะทางข้่างหน้ากิ่งไม้เยอะ รถอาจโดนขูดข่วนได้ จึงเลือกที่จะจอดรถ ฟอจูนเนอร์ไว้ และเอา กระบะไทเกอร์แดงไปคันเดียว ตกลงตามนั้น และก็ขึ้นรถไปซึ่งส่วนใหญ่ คนที่พกกล้องกะถ่ายสัตว์ข้างทางก็เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ระหว่างทางรถวิ่งนี่ก็ ดุเดือดน่าดู ทางมีหลากหลายเส้นถ้าไม่มีคนนำน่าจะไปจดุหมายลำบาก ระหว่างที่ไปก็ได้ยินเสียงนกร้อง เรื่อยๆ คนที่ไปส่วนใหญ่ พกกล้องตัวใหญ่ๆไปกันหลายคน กล้องที่นำไป ก็แนว DSLR ตระกูล Nikon เป็นซะส่วนใหญ่ เลนส์ ก็ มีตั้ง 300 mm และ ไปจนถึง sigma 50/500 mm ส่วนของผมนั้นใช้ nikon D80 เลนส์ sigma 50/500 mm เรานั่งรถไปเรื่อย เจอนกระหว่างทางก็วิ่งลงไปถ่ายรูปเหมือนคนอดน้ำเลย นกมันก็ตกใจก็บินหนีไปซะงั้น เราก็นั่งรถไปเพลิน ๆ ฝูงนกแก้ก ก็บินเกาะอยู่ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งนกเกาะอยู่ระดับ 3 เมตร หลายตัวพอเราจะลงไปถ่ายรูปมันมันก็บินไปซะงั้น ระหว่างทางที่นั่งรถ ฟีนก็ ตะโดนบอกเฮ้ยนั่น นกเงือก นอแรด หัวแดงแป้ดเลย บังดำก็ย้ำอีกคนว่านั่นมันเกาะตรงนั้นรถก็จอดปุ้บเราก็ลงไปตามหา นกเงือกนอแรด แต่ ก็เห็นเพียงนกแก้กบินไปมา ริกมันก็บ่นๆ มันจะมีหรือวะ เงือกนอแรด แถวนี้ ในข้อมูลของหนังสือ thaibird ก็ไม่พบกว่ามีนกเงือกชนิดนี้แวนี้นี่ แต่ฟีนกับบังดำก็ย้ำว่าเห็นจริงๆ บังฟีนเลยพูดว่า หรือว่า นกแก้กมันเกาะแล้วใบของต้นกระท้อนซึ่งใบสีแดง มันแปะตรงหัวพอดี มองแว้บๆ อาจเห็นแบบนั้น สรุปก็คือ ไม่มีใรถ่ายนกแก้ก หรือ นอแรด ได้ ดังนั้นก็ขึ้นรถเดินทางต่อไป .... ฟิกก็ขับรถไปเรื่อย ต้องยอมรับว่าฟิก เขาแม่นเรื่องทางมาก ทั้งๆที่ เพิ่งเคยมาก่อนหน้านี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เรานั่งรถไปแบบทุลักทุเล ทางก็ขึ้นเขาลงเขา ซะส่วนใหญ่ก็ หวังว่าจะเจอตัวอะไรระหว่างทาง ตอนนั้น เวลาก็ เวลาประมาณบ่ายสองกว่าๆแล้ว ฟิกมันก็พาเราไปทุ่งแรกที่เจ้าหน้าที่เขาแนะนำว่า กระทิงหรือช้างลงมาแถวนี้ เราก็ลงไปเดินดูแป้บนึง ท่าทางจะยังไม่มีตัวอะไรเพราะแดดยังแรงอยู่ จึงนั่งรถไปต่อ...
                       ช้างระหว่างทาง

       ระหว่างทางที่เราเดินทางไปจุดหมายเราก็แวะดูตามจุดต่างๆ ว่าจะมีตัวอะไรให้ดูมั่ง แต่มันกไม่เจอจนเริ่มน้อยใจกับโชคชะตา ที่มาแล้วไม่เจอกับตัวอะไร ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ฟิกมันบอกว่า ช้างที่เนี่ยเยอะกว่าหมาในซอยบ้านเราอีก ใครได้ยินก็หูพึ่งทั้งนั้น มันจะเยอะขนาดนั้นเะลยหรือวะ และแล้วรถเราก็ขับผ่านบ่อน้ำ ซึ่งจากข้อมูลที่ได้ศึกษามาล่วงหน้า น่าจะมีช้างลงมาเล่นน้ำแถวๆนี้ แต่ก็ไม่มี no have เซ็.งเป็ดดิ ไม่เจอช้างรถก็วิ่งไปเรื่อยขึ้นเนินเขาลงเขาไปเลาะขอบเขานิหน่อยด้วย ช้างก็ยังไม่โผล่ แล้วไหนว่าเยอะกว่าหมาวะ ใครบางคนเริ่มบ่นขึ้นมา และแล้วทันใดนั่นเอง พุ่มไม้ข้างหน้าก็เริ่มขยับแสดงถึงมีบางอย่าง ซุ่มอยู่ข้างใน เราก็ได้เห็นตูดมันก่อน เฮ้ยนั่น หยุดรถ ช้างนี่หว่า เพียบเลย หลังพุ่มไม้นั้น ต่างคนต่างจะยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปช้าง ช้างมันก็เดินวนไปมาหลังพุ่มไม้อันหนาทึบ ซึ่งมีบางตัวโผล่หัวออกมาดูพวกเรา แล้วมันก็ส่งเสียงร้องด้วย แปร้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แบบนั้น เสียงเพราะมาก ฟิกมันก็ตะโกนมาจากในรถ บอกว่า ให้ดูที่หูมัน ถ้าหูมันกระดิกไปมา แสดงว่า มันอารมณ์ดี แต่ถ้ามันนิ่งๆไม่มีไรกระดิกนี่ แสดงว่า มันเอามึงแน่ เท่าที่ดูมันนิ่งและมองมา ทางเราซะด้วย ฟิกมันรู้แบบบนั้น ก็เผ่นดิคร้าบบบ มันจะเอาเราแน่ ฟิกมันก็เลยขับรถหนีมาจากตรงนั้น .... แต่อย่างน้อยทุกคนบนรถก็ดีใจที่ได้เจอช้างจนได้แม้จะถ่ายรูปกันได้มานิดหน่อยก็ตาม และเรานั่งรถ แบบ ดึ๊กๆ ดั๊กๆ กันต่อไป คนที่หลังกระบะก็เริ่มคุยกัน โดยบังฟูอ้าตถามว่าถ้าช้างมันวิ่งไล่มาที่รถเราแบบว่าจะมาทำร้ายจะทำไงกัน ฟีนก็ตอบไปบอก กูก็จะพลักไอ้หมัดลงไปให้ช้างมันตื้บเล่นไปก่อน แล้ว ก็จ่ายรูปเก็บไว้ โดนไอ้หมัดโดนช้างตื้บ แล้วเอาขายนักข่าว รับรองดังแน่ .... บังฟูอ้าตก็สัมทับว่า ดีแบบบนั้น เราก็จะได้ภาพเด็ดๆเหมือนกัน หลังจากนั้น บังฟูอ้าต กลับมาถามผมถ้าช้างวิ่งไล่มา จะทำไง ผมก็ตอบไป ผมก็จำทำแบบฟีนนั่นหละ ผมก็จะมีดลายพรางเล่มงามของผมที่ซื้อมาจากอีเบย์ปาดขาหลังแล้วก็ผลักทั้งฟีน และ บังฟูอ้าตลงไปเหมือนกัน ผมก็จะได้ภาพเด็ดๆ ออหน้าหนึ่งเช่นกันเกิดแน่ ฟีนมันก็หันมามองแล้วบอกว่าไอ้ สา ดดดด .. ก็นะ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นหละวะเนอะ .....
   
                         

            ในที่สุดรถก็มาจอดที่ หน้าผาซึ่งข้างหน้าเป็นทุ่งกว้างใหญ่มาก มีโป่งดิน อยู่ด้วยมองจากไกลๆซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าเมื่อวานมันออกมาที่นี่กระทิงฝูงใหญ่ วันนี้เราก็รอดูมัน จากนั้นทุกคนก็ลงจากรถ ต่างประกอบอุปกรณ์การถ่ายภาพออกมา คนพร้อมแล้วครับตอนนนี้ ที่เหลือรอ อย่างเดียวว่ราจะมีตัวอะไรออกมา แต่จากประสพการณ์ กระทิงมันจะกลัวแดด ไม่ชอบแดดแรงๆอย่างที่คลองปลากั้งกว่าจะออกมากินหญ้าอ่อนที่ทุ่งมาก็ปาไปเกือบ ห้าโมงเย็นแบบนั้น รอกัน แย่ ที่นี่จะเป็นไงล่ะนั่น แต่วันนไม่มา จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.50 น. เจ้าหน้าที่ก็ชี้บอกว่านั่นออกมาแล้วหนึ่งตัวชายป่าทางด้านขวา โอ้ นั่นกระทิง ไกลมากมาย กิโลกว่าได้มั้ง ไมมันไกลอย่างนี้วะนั่น กระทิงที่ออกมาก็ค่อยๆเดินเรื่อยๆ ไม่ตกใจกับคนที่จับจ้องคอยดูมันอยู่บนเนินเขาซึ่งห่างกันกว่า หนึ่งกิโลเมตรได้ หลังจากนั้น กระทิงตัวที่สอง ก็เริ่มเดินออกมา เจ้าหน้าที่บอกว่า ต้องรอดูว่ามันฝูงไหนที่มา ตัวที่ออกมาตัวแรกนี่ตัวเมีย ที่ออกมามันก็ออกมาเรื่อยๆๆครับ นับได้ เจ็ดถึงแปดตัวเท่าที่ดูน่าจะตัวเมียทั้งหมด และแล้ว ตัวผู้ มันก็ออกมาครับ ตัวเอ้บเลยใหญ่มากมาย คนที่พากล้องไปด้วย ก็ถ่ายรูปกัน กดกันแหลก เสียงชัตเตอร์ลั่น ไม่ขาดสาย กล้องที่ผมเอาไปก็ถ่ายมาพอสมควรมือใหม่อย่างผมเน้นถ่ายเยอะไว้ก่อนครับ อิอิ เมื่อกระทิงเริ่มออกมาเยอะขึ้น มันก็รวมตัวกันอยู่กลางทุ่ง กินหญ้าทุกตัวต่างก้มหน้าก้มตากินหญ้า ไม่เงยหน้ามาให้ถ่ายรูปเลยซิหญ้าแถวนั้น ก็ขึ้นยาวมองไม่เห็นขาสีขาวใส่ถุงเท้าอันสวยงามของกระทิงเท่าไหร่
ต้องรอจังหวะดีดีจริงๆหลังจากที่เราดูกระทิงอยู่นั้น ก็ได้มีช้างเดินมาจากพุ่มไม้ทางซ้ายไม่ไกลมาก ซึ่งผมกับเพื่อนๆก็รอถ่ายรูปช้างที่เดินมา เท่าทีดูมีตัวนึงมีงาโผล่ออกมาด้วย แหมน่ารักเชียว มีทั้งหมด สามตัวด้วยกันที่เดินมา ก็ถ่ายรูปกันได้พอสมใจ

                       

       นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นที่มาส่วนใหญ่มาดูด้วยตาเปล่าซะมากกว่า อุปกรณ์ในการชมมีไม่มาก กล้องที่เตรียมา จะเป็นแนวกล้องเล็กระกูล cyber shot วึ่งไม่สามารถถ่ายอะไรได้นอกจากคนหรือวิวเท่านั้น แต่คนที่มาส่วนใหญ่เขาตื่นตาตื่นใจมากที่เห็นกลุ่มผมนั้นพกพาอุปกรณ์
การถ่ายภาพกันมาขนาดนี้ แม้แต่เจ้าหน้าที่เองก็เถอะ หลายคนขอชมภาพผ่านกล้องส่องทางไกล โดยเฉพาะเด็กๆ หลายคนก็ขอดูภาพที่ถ่ายออกมาได มันก็ดูสนุกดี โดยเฉพาะบังฟีน คอยให้ความรู้เกียวกับการถ่ายให้ภาพให้คนที่สนใจเข้ามาดู ทั้งหลาย บางคนที่นำกล้องมา ยังมาถ่ายภาพพวกผมอีกซะงั้น แถมขอถ่ายเฉพาะอุปกรณ์อย่างเดียวก็มี อ่ะนะ มันก็ดูเท่ไม่หยอกเหมือนกันนะกลุ่มเราเนี่ย....
   
    
     

                          

       หลังจากที่สนุกกับการรอและการถ่ายรูปอยู่สักพัก กลุ่มอื่นที่มาเขามาเห็นกระทิงเขาก็ทยอยกันกลับ ก็เหลือกลุ่มผมกลุ่มเดียวแฟนพันธุ์แท้ รอถ่ายรูปต่อไป ตามที่เจ้าหน้าที่บอก กลุ่มใหญ่จะมีวัวแดงอยู่ในฝูงด้วย 1 ตัว ก็เลยรอดูวัวแดงกัน ผมก็เริ่มเบื่อๆกับตรงนี้ แล้วหละ บางคนอาจจะคิดเหมือนผม ฟิกเลยชวนอาสาสมัคร ใครจะไปดูช้างที่ริมน้ำที่เจอมาทีแรกมั่ง ผมก็เลยไปลองดูช้างโดยมี ฟีน บังฟีน รุก ไปด้วยกัน ระหว่างทางที่ไก็ดูปกติเงียบ ตาพวกเราก็มองหาตัวไรสักอย่าง ที่อาจจะเจอ ทันใดนั้นเกือบถึงจุดที่เจอช้างครั้งแรก ฟิกมันเบรกรถกระทันหันคนที่นั่งหลังกระบะหัวทิ่ม เซไปข้างหน้าตามๆกัน ช้างครับ มันวิ่งตัดหน้ารถ ตัวกำลังจ้ำมั่ม เลย มันคงตกใจที่เจอรถ ขณะที่มันวิ่งอยู่กลางถนนมันก็หันมามองพวเรา เรา ก็ ตกใจ เหมือนกันเพราะมันระยะประชิด จะหยิบกล้องถ่ายก็ทุลักทุเล ช้างก็มองหูมันดูเหมือนตกใจที่เจอรถมั้ง คงพยายามเอาหูใหญ่ๆของมันปิดตา เหมือคนยามกลัว หางมันก็ม้วนขึ้น พอมันเห็นเราหยุด มันคงตั้งสติได้นั่นหละมันวิ่งแบต้วมเตี้ยมหายเข้าไปในพุ่มไม้ พวกเราก็กระโดจากรถเพื่อจะไปถ่ายรูปมัน แต่กระต้องกระโดด กลับขึ้นมาที่หลังรถเหมือนเดิม เพราะมี ช้างอีกลุ่มใหญ่ๆ ซ่อนตัอยู่หลังพุ่มไม้ เดินไปมาท่าทางมีหลายตัวเห็นหลังกับหน้า ท่าทางจะไม่ดีแล้วใกล้แบบบนี้ฟิกเลยขับรถออกไปจากที่ตรงนั้น .... และรถก็ค่อยๆเคลื่อนออกจากที่เจอจุดที่เจอช้าง ในที่สุด พวกช้างเนี่ยอยากเจอก็ได้เจอ แต่จะถ่ายรูปดีดีนี่่ก็ไม่ได้ดั่งใจเลย ไม่มีไรสมหวังเสมอ.. จากนั้นรถก็ขับไปดูจุดอื่นที่น่าจะมีช้างอีก แต่ก็ไม่พบเลยย้อนรถกลับไปหน้าผาที่มีเพื่อนๆ รอถ่ายกระทิง....

                                

         พอไปถึงที่หน้าผาที่รอดูกระทิง บังดำก็บอกว่า วัวแดงออกมาแล้ว ถ่ายรูปมาได้รูปนึงเนี่ยมี ตูดขาวๆ เราก็ไปดูกันภาพมันไกลๆเบลอๆ จะใช่หรือวะ ลูกกระทิงหรือป่าว หรือกระทิงคลุกฝุ่นมากัน ยังมีข้อกังขา ไอ้เฟามันก็ยืนยันว่าใช่ มันว่ามันนับกระทิงได้เกือบ 50 ตัว และก็ไอ้วัวแดงเนี่ยมันวิ่งออกมาเป็นตัวสุดท้าย จากทางซ้ายของทุ่งเพื่อมารวมฝูงกับกระทิง อือ.... ก็อาจเป็นไปได้ เริ่มมีความหวัง เราก็รอ บางคนก็ปีนต้นไม้ที่เขาทำห้างไว้คอยดูสัตว์ดูมุมที่สุงขึ้นคอยมอง ในที่สุดมันก็มีตัวตนจริงๆ วัวแดง ตัวมันจะสีแดง ของแท้ที่ตูดจะขาว ใส่ถุงเท้าด้วย แต่ที่ดูน่าจะเป็นตัวเมีย แต่มันตัวเลือเกิน หลบอยู่หลังฝูงกระทิงไม่เงยหน้าเลยอยู่แต่ที่รกๆ ถ่ายรูปได้ลำบากมากครับ ก็ตั้งหน้าดักรอถ่ายรูปกันไป ผมก็เริ่มว่างๆจากการถ่ายรูปเลยปิ้งไอเดีย อยากเกาะกระแสกับเขาหน่อย เลยให้ รุกถ่ายรูปผมแนว อินวิเทติ้ง ดูดิจะออกมาเป็นไง ผมกะจะถือมีดโดดลอยค้างท่าแทงกระทิงอยู่กลางอากาศ พอเอาเข้าจริงๆ ใช่เล่น หลายเทกเลยนะ รุกมันบอกมึงโดดไวไปผมก็ตอบไปมึงกดช้าไปดิวะ เล่นซะเหนื่อย กว่าจะพอดูได้ ก็เอาภาพเท่านี้ก็เอาแล้ว

                             

    หลังจากรายการโดดอินวิเทติ้งผ่านไปเหนื่อยโคตร เวลาก็ห้าโมงเย็นกว่าๆแล้ว แสงก็พอมีอยู่ และแล้วหลังจากที่ฝูงกระทิงรวมตัวกันกินหญ้าอยู่กลางทุ่งนั่นเอง สิ่งมหัศจรรย์ก็บังเกิด ฝูงกระทิงก็เริ่มแปรปรวนมีเสียงร้องของกระทิงออกมายาวๆ สองสามครั้ง ฝูงก็เริ่มเดินขยับไปทางขวาของทุ่งหญ้า ซึ่งทางซ้ายนั่นเองขาใหญ่ประจำป่าเริ่มปรากฎกายออกมา ร่างกายสูงใหญ่ แข็งแรงกำยำ ช้างนั่นเอง มันมากันทั้งหมด น่าจะ 7 ตัว น่าจะได้ มันเริ่มเดินตัดไปทางขวาของทุ่งฝูงกระทิงก็เริ่มเกรงใจในความใหญ่โตของช้าง ก็ต้องคอยเดินเลี่ยงออกไปเป้าหมายของช้างก็คือโป่งดินครับ มันเดินไปเล่นโป่งดินที่ฝูงกระทิงก็อยู่แถวนั้นในตอนแรก แต่ ทั้งกระทิงกับช้างก็อยู่ร่วมกันได้ (มันเป็นภาพที่ยอดเยี่ยมมากเลย โอ้วว) แต่อยู่กันห่างๆ พวกเราก็คอยถ่ายรูปกดชัตเตอร์กันมันไป แต่แสงมันเริ่มน้อยรูปที่ออกมาก็พอดูได้ครับ หลังจากแสงแดดเริ่มหมดลงเราก็เริ่มกลับที่พักเพราะ ถ้าไปตอนมืดอาจเจอช้างระหว่างทางซึ่งอาจอันตรายมาก

                     

              และแล้วรถเราก็ขับกลับมาที่ศูนย์ของเจ้าหน้าที่ที่รถ อีกคันจอดอยู่ ไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ถามว่าได้เจออะไรมั่งเราก็เล่าไปว่าเจอไรบ้าง เจ้าหน้าที่บอกว่า เมื่อกี้นี้ มี ช้างมาเล่นน้ำข้าง สถานี ตรงบ่อน้ำ 3 ตัว ช้างมีงาซะด้วย แหม เราๆเสียดายจริง หากเรามีวิทยุสื่อสาร ก็น่าจะรู้ข่าวการมาของสัตว์ในจุดต่างๆจากเจ้าหน้าที่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไรเท่าที่ได้มาก็เหลือเฟือแล้วหละ พวกเราก็เลยล่ำลาเจ้าหน้าที่บริการเราอย่างดี ขับรถกลับที่พัก ซึ่งมันก็ใกล้มืดเต็มทน ระหว่างทางก็เจอช้างเดินอยู่ข้างทางประปราย แสดงว่า ช้างมีเยอะตามคำล่ำลือจริงๆ
           

                         
 

            พอไปถึงที่พัก ก็เเริ่มหุงหาอาหารกันดูว่าทำไรกินได้มั่ง ก็มีกับข้างทั้งไข่เจียว ผัดกระเพราเนื้อ แกงนิดหน่อย พ่อครัวช่วยกันทำอาหารหลายคน ไม่นานก็เสร็จ ก็เริ่มกินข้าวกันไปไม่น่าเชื่อทุกอย่างที่ทำมา หมดเกลี้ยง หมดจริงๆ แต่ดูท่ายังไม่อิ่มกันเท่าไหร่เพราะวันนี้เดินทางมาเยอะ ผมจึงไปหยิบแยมสังขยา พร้อมขนมปังมาอีกสามแถว มาให้นั่งจิ้มกินกัน นั่นหละถึงจะนิ่งกันได้ ไปเที่ยวแบบนี้ โค้ก เป็ปซี่ นี่ขาดไม่ได้ เสียดายขามา ไม่ได้แวะเซเว่นที่ปั้ม ร้านอาหมวยลูกสาวสวย ดันปิด ไปซื้อร้านอื่น เลยได้น้ำสีมาแทน น้ำดำมีไม่กี่ขวด พอถูๆไถๆไป ก็อิ่มท้องไปในที่สุด หลังจากนั้นก็อาบน้ำอุ่น สบายจริงๆ มีแบบบนี้ในป่าด้วย หลังจากต่างคนต่างอาบเรียบร้อยก็เริ่มมานั่งเช็กรูปที่ตัวเองถ่ายมาว่าดูดีแค่ไหน ต่างคุยข่มกันว่าตัวเองรูปขั้นเทพ สวยๆทั้งนั้น คนนั้นก็ดีคนนนี้ก็ดี เฮ้ออ แต่ กรูนี่ดิ มันก็พอมีดี ต้องไปลุ้นในคอมดูกันชัดๆอีกที หลังจากดูรูปกันเรียบร้อย ก็กะจะนั่งคุยกัน แต่ไม่ไหวหลายคนก็เพลียหมดแรงและก็แยกย้ายไปนอนกันในที่สุด อากาศก็เย็นสบายเหลือเกินยามค่ำคื่นที่นั่น.....นอนหลับฝันหวานไป... คิดถึงคนไกล
        หลังจากยามค่ำคืนผ่านไป ต่างคนต่างขึ้นมานั่งจิบกาแฟพักผ่อนดูบรรยากาศยามเช้าที่นั่น ซึ่งหลังบ้านพักนั้นเป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่พอสมควรมีฝูงไก่ป่าเดินไปดูน่ารักดี ผมกับริก ก็เดินแบกกล้องเพื่อจะไปหานกถ่ายรูปเล่นกันได้ยินแต่เสียงนกแก้ก ซะส่วนใหญ่ แต่เข้าไปไม่ถึงตัวมัน มันอยู่ที่รก เลยไม่ได้ถ่ายรูปมัน เจอนกกาฝาก นกบั้งรอก ก็พอได้รูปมาบ้างนั่นหละ จนเราก็เดินกลับมาบ้านพัก เพื่อกินข้าวขณะที่กินข้าวอยู่นั่นเอง เจ้านกแก้ก สองตัวมาเกาะต้นไม้หลังบ้านระยะเผาขนไม่เกินห้าเมตร เฮ้ย มันมาเยือนถึงนี่เลยผมก็เลยย่องๆ ไปเอากล้องมาเพื่อจะถ่ายรูปซึ่งกล้องวางไว้หน้าบ้าน พอไปถึงจะเอากล้องมามันก็บินหายไปในที่สุด แม่งงงง ไม่รอเลยยยย ..... หลังจากนั้นก็นั่งคุยกันว่าวันนี้เราจะเอาไงต่อจะไปไหนกันดี สรุปขั้นต้นถ้าจะรอถ่ายกระทิงอีกมันต้องรอถึงเย็นคงไม่ไหว ริกเสนอว่าไปหาวนากร ไปถ่ายรูปนกจาบคาเคราสีฟ้า ทำรังที่นั่นแต่ต้องขับรถเลยไปอีกสัหร้อยกิโลเมตร ซึ่งก็ต้องเสียเวลาไปหน่อยแต่ในที่สุดก็ตกลงว่าจะไปเที่ยวน้ำตกป่าละอูกัน หลังจากนั้นเราก็ออกจากกุยบุรีสัก สิบโมงเช้า เพื่อตรงไปป่าละอูและกลับบ้านต่อไป ......
                                                                                 หมัดบูรพา
   

   

    














 

 

 

 

 


 
     

www.siampet.com
Contact US Email : kmud@yahoo.com , Msn : jkmud@hotmail.com
Phone : +66(0)9-315-1029 , Contact Mr.Jaratroj
Thailand