Siampet.com  >>  Welcome to Siampet in Thailand        
 
              
 
แข่งบอลกับนักเรียนที่บ้านหินสอ
 

 

                           


   
   
  


 

 

้                               เกษตรที่สูงภูเรือจังหวัดเลย

                                            
    

          สวัสดีครับ ถึงเวลาหน้าหนาวปีนี้ 2550 ปีมหามงคลอีกครั้งหนึ่ง หรือ ฤดูกาลแห่งการท่องเที่ยว ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อปีที่แล้ว ช่วงปีใหม่ ได้ดูข่าวทางทีวี เขาบอกว่าที่ จังหัดเลย ภูเรือ นั้น อุณหภูมิ ลดลงเหลือ 0 องศา เกิดแม่คะนิ้งขึ้นที่นั่น พวกผมได้ยินดังนั้น ก็ จัดขบวน หาวันเวลาว่าง ปีนั้นได้ไป ตรงกับปีใหม่พอดี แต่ จุดที่ไปนั้น ภูเรือ มันไม่ใช่ 0 องศา อย่างที่รู้ว่า สอบถามเจ้าหน้าที่ ที่นั่น เขาบอกว่าที่ 0 องศา ไม่ใช่ตรงนี้ แต่เป็นที่ศูนย์เกษตรที่ราบสูงตะหาก อ่ะ... มาผิดที่ สรุป ปีนั้น ไม่ได้ไปที่นั่น ก็เลยตั้งใจ่า มีเวลาคงได้ไป เลยมาตรงกับ ช่วงวันหยุด 8-11 ธันวาคม 2550 จึงพร้อมใจกันไปที่นั่สักครั้ง
         จากการที่เราพลาดเป้าหมายสำคัในครั้งแรก ทำให้ คราวนี้ ต้องทำการบ้านกันหน่อย เลยหาข้อมุลจาก internet เป็นส่วนใหญ่ แต่ข้อมูลที่ศูนย์เกษตรโครงการหลวง ค่อนข้างมีน้อย แต่ก็มีผู้โพสต์ เอาไว้บ้าง ซึ่งเป็นข้อมูลอย่างดีเลยเชียว เรา รวรวมสมาชิกได้ 8 คน รถ 2 คัน ได้ หมัดบูรพา เฟา รอน หมัดนิ ฟารุก ฟิกแบะ อารีฟีน และ ฮารูณ เราก็ได้ 8 เทพอสูรมัรงกรฟ้า มาเรียบร้อย ออกเดิน ทาง ตอน ตี 3 ของวันเสาร์ ขับรถไปเรื่อยๆ ถึงก็เวลา ประมาณ เกือบ 9.00 น มั้ง เส้นทางไหน ผมจำไม่ได้ ต้องถามหัวหน้าทั่วร์ ฟิกแบะ เขาค่นข้างชำนาญ ผมเองนั้น หลับตั้งแต่ ออกจากกรุงเทพ หลับๆตื่น ก็ถึง ศุนย์ เกษตรที่ราบสูง ที่นี่เป็นโครงการหลวงด้วยนะ อยู่บยอดเขา ววสวยดี มีต้นไม้ปลูกไว้เป็นแปลงสาธิต มากอยู่ อย่างที่เห้นในภาพนั่นหละ ไป คราว นี้ ไปเจอ ลูกมะคาดาเมีย ออกผลชาวบ้านเอามาขาย กิโลกรัมละ 350 บาท ก็ อร่อยดี นะ ไปถึงเราก็ หาที่พักก่อน หาจุดกางเต้นท์นั่นเอง ก็ได้แนวป่าสน ข้างถนนั่นหละ คนก็ยังไม่มาก อากาศ สบาย อารีฟีน เขาเอาเครื่องวัดอุณหภูมิแบบจิตอลไป วัดตอนกลางวันได้ ที่ 19 องศา มั้ง ถ้าจำไม่ผด หลังจกานั้น ก้นั่งๆนอนๆเดินเล่นนิดหน่อย แล้วก็ทำอาหารกินกัน อ่อ เราสั่งอาหารบางอย่างมาจากร้านแถวนั้น มีทีเด็ด ที่ ต้มยำปลาบึก ว้าวววว มีปลาบึกกินด้วย แล้วก้วางแปนหาข้อมูลแบบเจาะลึก ว่า จะไปไหนมั่ง
    เราก็รอเวลา จนเย็น สัก 6 โมงเย็น อุณหภูมิเริ่มลดลง ที่ 15 องศา เย็นๆด พอตกดึก จุดต่ำสุที่นั่น ที่ 12 องศา เราก็นอนเล่นกันไป พรุ่งนี้ ค่อยว่า กันใหม่ เช้ามา เราก็ ทำกิจกรรมตามที่วางแนไว้ เดินชมศูนย์เกษตร ดอกไม้ที่นี่ งามมาก สีสวยสดได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ถ่ายรูปกันเพลินเลยหละที่นี่ เขามีแปลงสตอเบอรี่ด้วย อนุญาติ เด็ดกินได้ตามสบาย ผมทดลองดู อือ หวาน หวาน มากมาก หอมด้วย ไม่เหมือนที่ กทม อมเปรี้ยวเลย กินไปคนละหลายลูก เสียดาย ช่วงที่มันออกเยอะๆก็ ช่วง มกรา มาเร็วไปหน่อย



    
         เมื่อถ่ายรูปกันเป็นที่พอใจ ก็ กลับไปที่พักกัน พอผ่านไปเจอเจ้าหน้าที่ สอบถามเขาว่า ที่นี่ใช่ไหมที่ อุณหภูมิง 0 องศา เขาตอบว่า ไม่ ที่ หนาวกว่านี้ คือหมู่บ้าน ถัดไป ห่างไป อีก 1 กิโลเมตร ที่ นั่นคือหมู่บ้าน หินสอ อุณหภูมิต่างจากที่ นี่ 5 องศา โดยประมาณ อ่ะ ไม่น่าเชื่อ เมื่อ คืนที่นี่ 12 แสดงว่า ที่นั่น เอา 12 - 5 = 7 องศา ว้าวววว เราเริ่มรู้ดังนั้น เลยไปสำรวจ เรา ก็นั่งรถไป ชม สวน ต้น อาคาดเมียไปด้วย จนเข้าไปในหมู่บ้าน แถวนั้น เลยวิ่งผ่านไปโรงเรียนบ้านหินสอ ก็เจอ ลานสนามฟุตบอลมีเชือกกั้นอยู่ สอบถามคนแถวนั้น เขาชื่อพี่สมเกียรติ เขาเล่าว่าเมื่อคืนที่นี่ 7 องศาเซลเซียส และไอ้เชือกที่กั้นอยู่นั้น ก้คือ ไว้ดูแม่คะนิ้ง ถ้ามันมีการเกิดขึ้นตอนเช้านักท่องเที่ยวจะมาดูกัน ใครจะมากางเต้นท์นอนที่นี่ก็ได้เลย เขาไม่คิดค่ากาง ทั้งนั้น มีห้องน้ำอย่างดีไว้บริการ มี สีก 1 ห้องได้มั้ง เราได้รับทราบข้อมูลเช่นนนั้น จึงรีบขับรถไปที่ศูนย์เกษตร และย้าย ฐ านไปที่นั่น เราจับจอง กางเต้น แล้วก็ พักป่อน เดินไปในหมุบ้าน ซื้อของกิน เล็กๆน้อยๆ แต่ผักที่ชาวบ้านนพำมาขายเรา พวก กะหล่ำปลี ผักฮ่องเต้ สดจริงๆ ผมว่า กรอบๆดีนะเวลากินเข้าไปน่ะ พอ สัก 3 โมงเย็นวันนั้น เราก็นั่งรถไปภูแปก เป็นจุดชมวิว ที่นึง ที่ คที่นั่นเขาแนะนำให้ไป ทางไปนี่ ดุเดือดดมาก ต้อง รถ 4wd เท่านั้นนพ ครับ ขับไปก็ไม่มีป้ายบอกทางหลงทางหลายที ไปเจอ หมู่บ้านนึงแถวนั้น เขาเรียกหมู่บ้านวังเวิง .. แปลกนะหมุ่บ้านนนี้ ทุกบ้านจะมี ตุ๊กตาคล้ายหุ่นไล่กา ทุบ้านเลย ดูแล้วก็ อดนึกถึง ผีปอบไม่ได้เลย 555 กว่าจะขับรถไปถึงภูแปกก็เกือบค่ำนั่นหละ อ่อ ระหว่างทางที่ ตีนภูแปก เจอ นกพญาฟด้วย ตั้ง 20 กว่าตัวเลยนะ แดงสดเลย .. จากนั้นก็ ปีนขึ้นภูแปก กันไปดูพระอาทิตย์ตกที่นั่น ไปพอดีเลยนะ กำลังตก ปีนขึ้นไป ไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้ว แต่เหนื่อย ว่ะ ถ้ายรุปเสร็จก็รีบกลับเดี๋ยวมืดซะจะกลับลำบาก กว่าจะถึงที่พักก มืดเลยหละ กลับไปมีคนมากางเต้นเพียบเลย ตกดึกหลังจากทำไรกินกันก็นังคุยกันไป อากาศเริ่มเย็นลง 2 ทุ่มนี่ก็ ปาไป 12 องศาแล้ว ดุเดือดจริงๆ ผมเอง ใส่ เสื้อ 5 ชั้น แทบเอาไม่อยู่แน่ำ แต่ฮารุณ มัน โสร่ง 1 ตัว เสื้อ 1 ตัว มันอยู่ได้ไงวะ พอสัก 24.00 มั้ง ไม่ไหว นอนหละ จำได้ว่าก่อนนอนนั้น อุณหภูมิอยู่ที่ 9 องศา ฮารูณ มันไม่ไหว 555 สั่นเป็นเเจ้าเข้าเลย ต้องหาเสื้อผ้าใส่เพิ่ม ผมเอง ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ กะ ตี 4 จะตื่นมาดู แม่ คะนิ้ง พอ ตี สี่ ตื่นมา ก็ปลุกคนอื่น ไม่มีใครตื่น ก็เดินไปดูลานที่แม่คะนิ่งอ่ะ กะว่ามี จะถ่ายร๔ป ตอนนนั้น มาดูที่ตัววัดอุณหภูมิ มันอยู่ที่ 6 องศา หนาวฉิบหาย ตอนเดินไปก็มี เต้นอื่ออกมากแล้ว เจอ ญ 1 ช 1 วิ่งอยุ่รอบๆเต้นท์ ก็งง มันวิ่งไมวะ 5555 สงสัย จะทนหนาวไม่ได้ แต่พอไปถึงลานมองไปยอดหญ้า มองไม่เห็นไรเลย มืดไปหมด ไม่เอาไฟฉายไป สุดท้ายนอนดีกว่า หนาว ตื่นเช้ามา รุกมันว่าเมื่อเช้าไปดูแม่คะนิ้งมาที่ลาน ถ่ายรูปมาด้วย ก็อย่างที่เห็นนั่นหละ ยังไม่เป็นน้ำแข็งเท่าไหร่เลย หลังจากเที่ยวเล่น แถวนั้น เรียบร้อยก้ลากลับ ไปที่หมายต่อไปคือ ภูทับเบิก แปลงกำหล่ำปลี ยักษ์ทีใหญ่ที่สุดในโลก ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ใหญ่ จริงๆ ปลูกกันเป้นเขาลูกๆๆ กางเต้นท์นอนกัน ที่นี่ ตกดึกอยู่ที่ 10 องศา แต่ลมแรง แถมที่กางเต้ท์มีน้อยเป้นแบบขั้นบันได ลำบากในการย้ายของ จิงๆ ขากลับลงจากทักเบิด เจอกงานปีใหม่แม้ว ก็ไปดูกันเขาก็เลานกันโยนบอล หมายถึงให้หนุ่สาวได้ คุยกัน ถ้า ปิ้งกันก็แต่งงานกเลยนะ คิคิ แล้วก็เดินทางกลับ บ้านดดย สวัสดิถาพ




























   
   

้้้้้้ 
                         

   
   


   



   
   
  

   
         
         
         

www.siampet.com
Contact US Email : kmud@yahoo.com , Msn : jkmud@hotmail.com
Phone : +66(0)9-315-1029 , +66(0)2-381-7777 Contact Mr.Jaratroj
Thailand